“เที่ยวอยุธยาวันเดียว” ทริปตามใจฉัน กิน เที่ยว ถ่ายรูป แบบชิลล์ๆ ไม่ต้องวางแผน

เที่ยวอยุธยาวันเดียว ทริปตามใจฉัน กิน เที่ยว ถ่ายรูป แบบชิลล์ๆ ไม่ต้องวางแผน

ช่วงฤดูฝนอย่างเดือนมิถุนายน หลายคนอาจคิดว่า จะไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ค่อยสะดวก แต่ปีนี้เป็นฝนตกน้อยกว่าปกติ มีแดดจัดสลับกับเมฆครึ้มมากกว่า เหมาะแก่การไปเที่ยวตามสถานที่กลางแจ้งกำลังดี

ทริปอยุธยาครั้งนี้ เป็นทริปสายฟ้าแลบ เที่ยววันเดียว แบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ขับรถออกจากบ้านตอน 11 โมงแบบสบายๆ กิน เที่ยว ชมประวัติศาสตร์ ถ่ายภาพ รวมถึงตามรอยละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” แบบเบาๆ แวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมน้ำ ก่อนขับรถกลับบ้านในช่วงค่ำๆ วันนี้แอดมินจึงอยากนำภาพถ่ายสวยๆ พร้อมข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงน่าสนใจอยู่ตลอด ของทริปเที่ยวอยุธยาวันเดียว ที่ใครก็สามารถไปเที่ยวเองได้ง่ายๆ

1-แวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือวัดใหญ่ เยี่ยมชมวัดใหญ่ชัยมงคล

ออกเดินทางในเวลา 11 โมงวันอาทิตย์ โดยเข้าสู่ตัวเมืองอยุธยาจากฝั่งถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ ก็มาถึง “วัดใหญ่ชัยมงคล” ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของเกาะเมือง เป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญที่สุดของอยุธยา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้

ก่อนเข้าเยี่ยมชม ได้แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือวัดใหญ่ เจ้าดังบริเวณหน้าวัด อิ่มอร่อยแบบสบายท้องด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เหนียวนุ่ม ซุปน้ำตกที่กลมกล่อมไม่ซ้ำใคร และเนื้อหมูแน่นอร่อยเต็มคำ แถมราคายังย่อมเยาไม่เหมือนอาหารตามเมืองท่องเที่ยว นอกจากก๋วนเตี๋ยวเรือแล้ว ยังมีเมนูอาหารตามสั่ง ข้าวราดอื่นๆ เสริมให้อีกด้วย

วัดใหญ่ชัยมงคล ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1900 และเคยเป็นที่พำนักของพระภิกษุคณะป่าแก้ว โดยมีจุดเด่นคือ “พระเจดีย์ชัยมงคล” ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมือง รูปทรงระฆัง ความสูงกว่า 1 เส้น 1 วา (ประมาณ 42 เมตร) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่ทรงยุทธหัตถีกับ พระมหาอุปราชา จนสามารถกอบกู้อิสระภาพให้กรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ เมื่อเข้ามาที่วัดแล้ว จึงเริ่มต้นไหว้พระพุทธชัยมงคล ตามด้วยทำพิธีห่มผ้าพระพุทธรูปด้านนอกวัด และเยี่ยมชมบริเวณวัดโดยรอบ

2-เดินสำรวจวัดมหาธาตุ ศูนย์กลางศาสนาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง

มุ่งหน้าสู่ใจกลางเกาะเมือง เพื่อไปอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง วัดมหาธาตุ เป็นวัดที่ไม่สามารถระบุปีที่สร้างเสร็จได้แน่ชัด คาดว่าเริ่มสร้างในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญของกรุงศรีอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุอีกด้วย นอกจากจะมีพระพุทธรูป เจดีย์ พระปรางค์ประธาน และพระปรางค์เล็กแล้ว ยังมีเศียร์พระหน้าวิหารเล็กอันโด่งดัง เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติเป็นอย่างดี

นอกจากตัววัดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถชมบรรยากาศสบายๆ จากทิวทัศน์ของสวนสาธารณะบึงพระรามซึ่งอยู่ด้านหลังวัดได้อีกด้วย

3-ถ่ายรูปเล่นที่วัดราชบูรณะ หนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดของเมือง

เรามาต่อกันที่วัดราชบูรณะ (คนละวัดกับวัดชื่อเดียวกันในกรุงเทพฯ) ซึ่งอยู่ติดกับวัดมหาธาตุ สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. 1967 พระปรางค์ของวัดมีกรุขนาดใหญ่ ซึ่งเคยถูกลักลอบขุดขโมยทรัพย์สมบัติล้ำค่าไปเมื่อปี พ.ศ. 2499 จนกลายเป็นข่าวดังระดับประเทศในยุคนั้น หลังจากนั้น กรมศิลปากรได้ทำการขุดต่อ จนพบทรัพย์สมบัติ และเครื่องทองที่ถูกเก็บไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้ย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา

4-นั่งพัก ดื่มน้ำสมุนไพรที่ Ayutthaya Retreat

เนื่องจากอากาศเริ่มกลับมาร้อน และเริ่มเหนื่อยเล็กน้อย เราจึงขับรถไปทางด้านท้ายเมืองอยุธยา มุ่งหน้าสู่ Ayutthaya Retreat ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะเมืองอยุธยา บ้านเรือนไทยขนาดใหญ่ที่มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่หลังตัวบ้าน นอกจากจะเป็นรีสอร์ทแล้ว ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวขาจรมานั่งเล่น ทานอาหาร จิบกาแฟ หรือดื่มอะไรเย็นๆ ได้ ที่นี่นอกจากจะมีชา กาแฟเป็นพื้นฐานแล้ว ยังมีน้ำสมุนไพรไทย และขนมไทยหลายชนิดให้เลือกทานกัน พวกเราเลือกนั่งในโซนห้องแอร์ ซึ่งเปิดเอาไว้เย็นกว่าปกติ และออกมาเดินเล่นในบริเวณเปิดของร้านสลับกัน

5-เดินเล่นยามเย็นที่ วัดไชยวัฒนาราม

นาทีนี้คงจะหาคนไม่รู้จักชื่อวัดไชยวัฒนารามได้ยากเต็มที จากกระแสของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ซึ่งวัดนี้มีความเกี่ยวข้องในหลายๆ ตอนของเรื่อง ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ปี พ.ศ. 2173 เป็นวัดเก่าแก่ที่ใหม่กว่า 3 วัดก่อนหน้าเล็กน้อย สถาปัตยกรรมบางส่วนได้รับแรงบันดาลใจจาก นครวัด ของประเทศกัมพูชา ว่ากันว่า เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมร นอกจากวัดจะมีพื้นที่กว้าง มีพระปรางค์ประธานขนาดใหญ่ และพระปรางค์เล็กล้อมรอบแล้ว ยังสามารถเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจริมแม่น้ำยามเย็นได้ จึงไม่แปลกที่วัดนี้ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติอย่างล้นหลาม

6-ทานอาหารเย็นริมแม่น้ำที่ The Summer House Ayutthaya

เมื่อเดินเล่นที่วัดไชยวัฒนารามจนหมดทั้งแสง หมดทั้งแรงแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาชาร์จพลังอีกครั้ง โดยพวกเราเลือกร้าน The Summer House Ayutthaya คาเฟ่ และร้านอาหารตกแต่งสไตล์โมเดิร์น อีกหนึ่งร้านขึ้นชื่อในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และชาวต่างชาติที่ทำงานในบริเวณใกล้เคียง

มาถึงหน้าร้าน ด้านหน้าดูเผินๆ เหมือนบ้านคนหลังใหญ่ดูหรูหรา สมาชิกบางท่านถึงกับโหวตให้เปลี่ยนร้านเมื่อเห็นบรรยากาศด้านหน้า เพราะเกรงว่าราคาจะแพงเกินไป แต่พวกเราตัดสินใจเดินเข้าไป และตัดสินใจนั่งทันที บรรยากาศยามเย็นเหมือนนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านกว้างๆ ริมแม่น้ำ และมีท่าน้ำส่วนตัวให้ด้วย

สำหรับอาหาร มีทั้งอาหารไทย และอาหารตะวันตกให้เลือกหลายอย่าง น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ บอกได้แค่ว่า รสชาติโดยรวมถือว่ากลมกล่อม ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ และวัตถุดิบคุณภาพดี ในราคาไม่ต่างจากทานอาหารตามห้างสรรพสินค้าทั่วๆ ไป ถือว่าคุ้มราคามากเลยทีเดียว ถ้ากลางคืนยุงเยอะ สามารถย้ายเข้ามานั่งในโซนห้องแอร์ ซึ่งตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนได้ ความที่เป็นคาเฟ่อยู่แล้ว เรื่องเครื่องดื่ม และของหวาน ถือว่าไม่เป็นสองรองใครอีกตามคาด โดยส่วนตัว ถ้าคราวหน้าได้มาเที่ยวอยุธยาอีก คงอดไม่ได้ที่จะต้องพาครอบครัวมาทานอาหาร หรือนั่งจิบกาแฟที่นี่เป็นแน่

และนั่นก็คือทั้งหมดสำหรับวันนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังมีวัด หรือโบราณสถานชื่อดังอีกหลายแห่ง เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพนินเชิง วัดท่าการ้อง วัดภูเขาทอง พระราชวังโบราณ ฯลฯ โชคดีที่การไปเที่ยวอยุธยานั้น ใช้เวลาไม่มาก เดินทางง่าย และเสียค่าเข้าชมเพียง 0-20 บาท สำหรับคนไทย ดังนั้น ถ้าใครที่ยังเที่ยวไม่ครบ มีเวลาเมื่อไหร่ก็สามารถมาเที่ยวได้ตลอดครับ