3 มหาเศรษฐีนีหมื่นล้านที่สร้างตัวเองจากศูนย์ (เอเชีย)
ฟีนิกซ์เห็นเรื่องราวของผู้ประสบความสำเร็จส่วนมากจะเป็นผู้ชาย แล้วผู้หญิงอย่างเรา ๆจะไปดูต้นแบบจากใครละคะ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปคงไม่ดี เราจึงรวบรวมตัวอย่างผู้ประกอบการหญิงที่ประสบความสำเร็จระดับโลก! ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราฮึดสู้ ทำมาหากินกันต่อไป ตัวอย่าง 3 หญิงแกร่งแห่งเอเชียที่สร้างตัวเองจากศูนย์จนกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ ทั้ง 3 หญิงแกร่งแห่งเอเชียเป็นเศรษฐีนีหมื่นล้านจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ลองไปดูประวัติการต่อสู้ชีวิตของพวกเธอกันเลยค่ะ
Zhou Qunfei, Hongkong
โจวฉวินเฟย จากสาวโรงงานในฮ่องกงสู่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในจีน
โจวเกิดในครอบครัวที่ยากจนในเมืองเซียงเซียง เธอเริ่มต้นชีวิตวัยเด็กด้วยต้นทุนที่แทบจะติดลบ พ่อของเธอตาบอดในขณะที่แม่ของเธอจากไปตั้งแต่เธออายุแค่ 5 ขวบ ทำให้เธอต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปีเพื่อไปทำงานในโรงงานที่เซินเจิ้น โจวเคยให้สัมภาษณ์ว่าความใฝ่รู้ของเธอนี้แหละที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะเป็นแค่สาวโรงงาน แต่ด้วยความมุมานะอุตสาหะที่เหนือกว่าใคร ๆ โจวใช้เวลาแค่ 2 ปีที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมการผลิตทั้งหมดของโรงงาน โชคไม่ดีที่โรงงานต้องปิดตัวไป โจวจึงต้องหางานใหม่ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจนำความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่เธอได้เรียนรู้ขณะที่ทำงานในโรงงานไปเปิดธุรกิจของเธอเองในปี 2536 เมื่อเธออายุเพียง23ปีเท่านั้น ธุรกิจของเธอใช้เวลาเพียง 8 ปีก็เริ่มประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดในปี 2544 เมื่อได้รับโอกาสให้ผลิตกระจกให้กับมือถือยี่ห้อ TCL หลังจากนั้นในปี 47 โจวก็ได้เปิดตัวบริษัท เลนส์ เทคโนโลยี ซึ่งได้พัฒนาเทคโนโลยีกระจกกันรอยและทำส่งให้รายใหญ่อย่าง Apple , Samsung และ Huawai ความสำเร็จที่ได้มาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อย่างใด วันที่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เธอเล่าว่าเธอเคยต้องขายบ้านถึง 2 ครั้งเพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน แม้โจว ฉุนเฟยจะก้าวมาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย มีชื่อเสียงระดับโลก แต่เธอก็คอยย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า ต้องไม่หลงระเริงในช่วงที่ตนประสบความสำเร็จ และต้องไม่รู้สึกมืดมนเมื่อตนเองย่ำแย่
Yoshiko Shinohara , Japan
เด็กสาวกำพร้าพ่อ หย่าร้างกับสามี สู่การเป็นเศรษฐีนีอันดับ 1 ในญี่ปุ่น ชีวิตในช่วงเริ่มต้นของโยชิโกะไม่ง่ายเลย เธอเกิดในปี 2477 และเติบโตมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 พ่อของเธอซึ่งเป็นผ.อ.โรงเรียนได้จากไปตั้งแต่ที่เธออายุเพียงแค่ 8ขวบเท่านั้น ส่วนแม่ก็ทำงานเป็นหมอตำแยและไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลย เธอเรียนจบม.ปลายและแต่งงานในช่วงอายุยี่สิบต้น ๆ หลังจากแต่งงานเธอตระหนักได้ว่าการใช้ชีวิตคู่และการแต่งงานไม่เหมาะกับเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหย่าร้าง ซึ่งแน่นอนว่าแม่และพี่ชายของเธอคัดค้านไม่เห็นด้วยเพราะในสังคมญี่ปุ่นสมัยนั้นผู้ชายเป็นผู้นำในการหาเลี้ยงครอบครัวในขณะที่ผู้หญิงดูแลลูกและงานบ้าน หลังจากการหย่าร้าง เธอตัดสินใจว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวเอง เนื่องจากงานสำหรับผู้หญิงในญี่ปุ่นค่อนข้างน่าเบื่อในช่วงนั้นทำให้เธอตัดสินใจที่จะไปทำงานเป็นเลขาที่อังกฤษและออสเตรเลีย ซึ่งทำให้เธอได้ไอเดียและรู้จักการรับจ้างแบบชั่วคราวซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เธอ Start-up ธุรกิจของตัวเองจนทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น โยชิโกะกลับมาโตเกียวในปี 2516 เมื่ออายุ 39 ปี และเริ่มก่อตั้งเอเจนซี่จัดหางานชั่วคราวเล็ก ๆ ในอพาร์ทเม้นของเธอเอง ซึ่ง ณ เวลานั้นการจัดหาแรงงานชั่วคราวเป็นสิ่งผิดกฎหมายด้วยซ้ำ นั้นไม่สามารถหยุดยั้งโยชิโกะจากไอเดียธุรกิจของเธอได้ จนเมื่อเวลาเปลี่ยนไป การจ้างงานชั่วคราวก็เป็นสิ่งถูกกฎหมายในที่สุด ในช่วงแรกที่เริ่มต้น ธุรกิจยังค่อนข้างติดขัดจนเธอต้องรับจ้างสอนภาษาอังกฤษตอนกลางคืน จนปัจจุบันเธอเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัท Temp Holdings ซึ่งมีพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราวประมาณ 37,000คน และกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น
Nguyen Thi Phuong Thao, Vietnam
มาดามเถาถือเป็นผู้หญิงคนแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีหมื่นล้านด้วยตัวเอง เธอเริ่มต้นด้วยประสบการณ์ทางการค้าที่ไม่มากนักเนื่องจากแม่ของเธอเป็นครู และพ่อของเธอขายยา อีกทั้งยังมีทุนไม่มากเนื่องจากไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย มาดามเถาเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ที่เธอยังเป็นนักศึกษาปี 2 ที่มหาลัยในรัสเซีย เธอเรียนการเงินและเศรษฐศาสตร์และเริ่มค้าขายด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยโดยซื้อสินค้า เสื้อผ้า เครื่องใช้สำนักงานและสินค้าอุปโภค บริโภคจากญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ไปขายในรัสเซีย เถา กล่าวว่าเธอมีเงินทุนไม่มากนัก จึงต้องทำงานหนักและซื่อสัตย์ทำให้คู่ค้าให้เครดิตในการซื้อสินค้าที่ยาวกว่าปกติ ทำให้มีเงินหมุนมากขึ้นและในปีที่3 เธอก็มีรายได้ถึงล้าน จึงหันไปทำสินค้าที่ใช้ทุนมากขึ้น หลังจากกลับประเทศ เธอได้ตั้งบริษัท เทคคอมแบงก์ เวียดนามอินเตอร์เนชั่นแลนคอมเมอร์เชียลจ้อยท์สต็อคแบงก์ฯ ทำธุรกิจค้าขายและปล่อยกู้ หลังจากนั้นจึงทำการขอจัดตั้งสายการบินเมื่อเห็นว่าเวียดนามมีนโยบายเปิดประเทศ เถาได้ใบอนุญาตทำธุรกิจสายการบินเอกชนสายแรกของเวียดนาม ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด เนื่องจากเวียดนามมีภูมิประเทศแบบยาวเหนือจรดใต้การคมนาคมแบบเดิมไม่สะดวกอีกต่อไป การคมนาคมทางอากาศจีงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนเวียดนาม บลูกเบิร์กได้ทำนายไว้ว่าสายการบินเวียดเจ็ตจะเอาชนะสายการบินอื่นๆในเวียดนามได้ในไม่ช้า นอกจากสายการบิน เธอยังเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อดราก้อนซิตี้และธนาคารเอชดีแบงก์ การเติบโตอย่างรวดเร็วของสายการบินเวียดเจ็ตนี่เองที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มาดามเถาขึ้นแท่นเป็นสุภาพสตรีที่สร้างตัวด้วยตัวเองที่ร่ำรวยที่สุดในเวียดนาม
ขอบคุณข้อมูลจาก
หากคุณมีเรื่องราวไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ในเวบไซต์ Alive Around ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทเทรนด์แฟชั่น ความงาม ร้านอาหาร คาเฟ่สุดชิค แหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่แฮงค์เอ้าท์สุดคูล เทรนด์การตกแต่งบ้าน งานศิลปะ การออกแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หรือแม้แต่ข่าวสาร และเกร็ดความรู้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ งานอีเว้นท์ เทคโนโลยี แก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ สามารถติดต่อกับทีม Admin ของเราได้ที่ www.alivearound.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น