ทำความรู้จัก ELON MUSK ชายที่มีแนวคิดเปลี่ยนโลก

2507
ทำความรู้จัก ELON MUSK ชายที่มีแนวคิดเปลี่ยนโลก
ทำความรู้จัก ELON MUSK ชายที่มีแนวคิดเปลี่ยนโลก

ทำความรู้จัก ELON MUSK ชายที่มีแนวคิดเปลี่ยนโลก

SpaceX ของ Elon Musk ประสบความสำเร็จในการนำจรวดที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการพลิกโฉมของประวัติศาสตร์การขนส่งทางอวกาศเลยทีเดียว Elon Musk เป็นใคร ทำไมทุกคนถึงยกย่องให้เขาเป็น Tony Stark หรือ Iron Man ตัวจริงบนโลกนี้

Elon Musk ประกาศว่าเขาจะเปลี่ยนความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ โดยเป้าหมายของเขาคือลดโลกร้อนผ่านการใช้พลังงานสะอาด และลดความเสี่ยงในการสูญพันธ์ของมนุษย์โดยตั้งอาณานิคมที่ดาวอังคาร จากเป้าหมายที่ดูเพ้อฝันของเขาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการปฏิวัติการใช้พลังงานของโลก

จากข้อมูลวิกีพีเดีย เรามาดูโครงการของเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกัน

ปี 1995 เขาได้ตั้งบริษัทซอฟท์แวร์ Zip2 และขายบริษัทให้ Compaq ได้เงิน 770 ล้านบาท ในปี 1999

ปี 1999 เขาเอาเงินที่ได้ไปตั้งบริษัท Paypal ระบบโอนเงินออนไลน์ และขายบริษัทให้ eBay ได้เงิน 5,775 ล้านบาท ในปี 2002

ปี 2002 เขาเริ่มไอเดียที่จะไปดาวอังคาร แต่มาพบว่าราคาจรวดแพงเกินไป และเขาน่าจะทำจรวดเองที่ถูกกว่าได้ เขาคำนวณว่าจรวดมีต้นทุนแค่ 3% ของราคาขาย และราคาขายน่าจะลดได้ถึง 10 เท่า เขาจึงได้ตั้งบริษัท SpaceX เพื่อทำจรวดเอง

ปี 2004 เขาเริ่มลงทุนในหุ้น Series A ของ Tesla บริษัทผลิตรถไฟฟ้าที่ขับด้วยตัวเอง และ แบตเตอรี่ เขามองว่าอนาคตรถจะเปลี่ยนการใช้พลังงานจากน้ำมันที่มีประสิทธิภาพเผาไหม้ต่ำกว่า เป็นพลังงานไฟฟ้าซึ่งได้จากแบตเตอรี่

ปี 2006 เขาก่อตั้ง SolarCity ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์อันดับ 1 ของอเมริกา

ปี 2008 จรวดของ SpaceX ลำแรกนำดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ

ปี 2012 SpaceX เป็นจรวดของเอกชนรายแรกที่ได้ขนอุปกรณ์ขึ้นสถานีอวกาศนานาชาติ

ปี 2013 เขานำเสนอไอเดียของ Hyperloop การขนส่งแบบใหม่ที่ข้างในท่อเป็นสูญญากาศ ซึ่งจะทำให้วิ่งเร็วเท่าเสียงที่ 1,200 กม./ชม. เร็วกว่า เครื่องบินที่ 900 กม./ชม. และรถไฟที่ 200 กม./ชม.

ปี 2015 SpaceX นำจรวดกลับมาที่ฐานได้สำเร็จ ปกติแล้วจรวดจะใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งลงทะเล เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จรวดจะบินกลับเข้ามาที่ฐานเอง

ปี 2016 รถไฟฟ้า Tesla รุ่น Model3 สามารถตั้งราคาขายในราคาที่ถูกมากใกล้เคียงกับรถใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง และมียอดจอง 325,000 คันใน 1 สัปดาห์ นับเป็นสินค้าที่ขายตอนเปิดตัวได้มากสุดในประวัติศาสตร์โลก (มากกว่า iphone)

ปี 2017 บริษัทสัญชาติจีน Tencent เจ้าของ social media ที่ใหญ่สุดในจีน และเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในเอเชีย ประกาศซื้อหุ้น 5% ของ Tesla และกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ของ Tesla ด้วยเหตุผลคือชอบในตัวผู้บริหารคือ Elon Musk

ปี 2017 เขาช็อควงการ AI ด้วยการตั้งบริษัท Neuralink เพื่อที่จะเชื่อมสมองมนุษย์กับหุ่นยนต์! โดยเขาคิดว่าต่อไปคนจะไม่จำเป็นต้องสั่งงานจากโทรศัพท์มือถือ แต่สั่งงานโดยตรงจากสมองของเรา

ปี 2017 SpaceX นำจรวดที่เคยใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ส่งดาวเทียมขึ้นอวกาศได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนไปอวกาศได้มหาศาล

ตอนนี้ SpaceX ถือว่าเป็นบริษัทผลิตจรวดใหญ่ที่สุดในโลก โดย Elon Musk ตั้งเป้าไว้ว่าจะส่งมนุษย์ไปดาวอังคารได้ภายใน 14 ปีนี้ และอยากตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารในอีก 23 ปี โดยมีคนที่อยู่บนดาวอังคาร 80,000 คน

แต่ดาวอังคารไม่มีบรรยากาศ ไม่มีออกซิเจนช่วยในการเผาไหม้เหมือนบนโลก ดั้งนั้นการขนส่งบนนั้นจะเป็นรูปแบบไฟฟ้า คือ รถยนต์ รถไฟ Hyperloop จะใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่เขาเป็นเจ้าของอยู่

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละโครงการที่ Elon Musk ทำมาเป็นสิ่งที่บ้าพลัง กล้าที่จะคิดต่าง และมีความฝันที่อยากเปลี่ยนแปลงโลกชัดเจน นอกจาก Steve Jobs ที่เสียชีวิตไปแล้ว Elon Musk น่าจะเป็นบุคคลที่ประวัติศาสตร์โลกต้องบันทึกเอาไว้อีกคนหนึ่ง
หวังว่าเรื่องนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ยังไม่มีความฝัน ซึ่งคงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถทำอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้เหมือน Elon Musk

เคล็ดลับของ Elon Musk ในการวัดความสำเร็จของคนมี 2 มิติ คือ
1) ขนาดของการเปลี่ยนแปลง
2) จำนวนคนที่ได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างเช่น ถึงแม้ว่าขนาดของการเปลี่ยนแปลงที่น้อย แต่ถ้าเราทำให้คนได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนมาก ก็ถือว่าสำเร็จเช่นกัน หรือถ้าการเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อคนๆเดียวแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากสำหรับคนนั้นก็ถือว่าดี แต่จะให้ดีสุดคือ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ และส่งผลต่อทุกคนบนโลก ซึ่งตัวอย่างก็คือ iphone Facebook และ SpaceX

Cr. อ่านต่อได้ที่ http://longtunman.com/1348

15 แนวคิดของ อีลอน มัสก์ อัจฉริยะเจ้าแห่งนักคิดผู้สร้างนวัตกรรมระดับโลก

1.มองการณ์ไกลนอกเหนือจากความฝันของตัวเอง

นอกเหนือไปจากการสร้างความฝันของตัวเองให้เป็นจริงแล้ว มัสก์มักจะมองการณ์ไกลและสร้างสิ่งที่คนอื่นคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้โดยจะต้องทำให้สำเร็จด้วยเทคโนโลยี และเขายังมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองโลกในระยะยาว ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือการคิดเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนร่วมโลก จากแนวคิดนี้ทำให้ชื่อของ “อีลอน มัสก์” มีความโดดเด่นและถูกจับตามองจากคนทั่วทั้งโลก

2.คิดเสมอว่าต้องการอะไรในชีวิต

เขามักจะคิดเสมอว่าอะไรบ้างที่จะกระทบต่ออนาคตของมนุษยชาติมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เขาคิดได้คือ อินเทอร์เน็ต, พลังงานทดแทน ,การท่องอวกาศ และการอาศัยอยู่บนดาวดวงอื่นๆ สมองกลอัจฉริยะ และการเขียนพันธุกรรมของมนุษย์ขึ้นมาใหม่ สำหรับมัสก์ความคิดในตอนนั้นคือจะให้ความสนใจพลังงาน และอินเทอร์เน็ตมากกว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ อาจจะดูเกินกำลังไปสำหรับเขาในตอนนั้น

3.มุ่งมั่นเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

แม้มัสก์จะเป็นมหาเศรษฐีแล้วก็ตาม แทนที่เขาจะเลือกใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่เขากลับยังคงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนโลกของเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เขาจึงลงทุนด้วยเงินกว่า $100 ล้าน เพื่อก่อตั้งบริษัท SpaceX โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มนุษย์เดินทางไปอวกาศ และขยายอาณานิคมบนดาวอังคาร

4.สร้างพลังงานทดแทนก่อนที่น้ำจะท่วมโลก

มัสก์ให้ความสนใจกับเรื่องของพลังงานทดแทน  เพราะหากใช้พลังงานปิโตรเลียมต่อไปจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น  5  องศา และจะส่งผลให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้น น้ำจะท่วมทวีปทางตอนเหนือของโลก  ทำให้เขานึกถึงการใช้พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่  เขาลงทุนเงินส่วนตัวของ $70 ล้าน ในบริษัท Tesla  เพื่อก่อตั้งการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยการสร้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ทำให้โลกได้ใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืน ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เคยมีบริษัทไหนที่ก่อตั้งบริษัทรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสำเร็จมาก่อน

5.ความสำเร็จสร้างขึ้นเองได้

เขามักจะบอกว่า

“ความสำเร็จไม่มีวันได้มาง่ายๆ หากไม่ลงมือทำ”

จะมีสักกี่คนที่สามารถสร้างบริษัทสตาร์ท อัพ  Start up ได้หลายแห่ง และประสบความสำเร็จทุกครั้ง จะมีสักกี่คนที่สามารถสร้างบริษัทจรวดที่องค์การ NASA สนใจร่วมธุรกิจด้วย และจะมีสักกี่คนที่พร้อมจะเป็นศัตรูกับบริษัทรถยนต์น้ำมัน รวมทั้งบริษัทปิโตรเลียมทั้งโลก ด้วยการสร้างรถยนต์พลังไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ทั้งหมดที่ว่ามานั้นเกิดขึ้นเพราะความคิดของมัสก์ ทุกอย่างต้องสำเร็จหากมีการลงมือทำ

6.กล้าที่จะเสี่ยงเพราะหากสำเร็จแล้วมันต้องคุ้มค่า

เขาจะมีมุมมองความคิดที่กว้างไกลกว่าคนทั่วไป และกล้าที่จะกำหนดเป้าหมายที่คาดว่าจะสำเร็จในอนาคต แม้หลายคนจะบอกมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่มัสก์กล้าที่จะเสี่ยงในสิ่งที่เขาคิดว่ามันหากมันสำเร็จแล้วต้องคุ้มค่า ในวัยหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานซึ่งอาจจะยังไม่มีภาระมากมาย  ควรมีความกล้าที่จะฝันและเสี่ยงทำตามความฝันของตัวเอง ซึ่งความ ลับในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของเขาก็คือความกระตือรือร้นนั่นเอง

7.ต้องไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค

เพราะเขามีความมุ่งมั่นต่อแนวคิดและโครงการที่จะทำทุกครั้ง ทำให้เขาไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ แม้ในอดีตที่ผ่านมาการทดสอบจรวดไปสู่อวกาศของเขาประสบความล้มเหลวหลายครั้ง ซึ่งมันคือการสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลแต่เขาไม่เคยยอมแพ้และยังคงทำสิ่งที่ผิดพลาดให้กลับมาสำเร็จอีกครั้ง

8.ต้องรักสิ่งที่ตัวเองทำ

มัสก์มักจะบอกทุกคนว่าไม่ว่าจะมีกี่โครงการ มันก็คือสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลก ที่สำคัญคือจะต้องรักในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะหากไม่รักก็คงจะไม่มีความสุขและไม่มีใจที่อยากจะทำ แต่ถ้ารักในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคอยคิดถึงสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา และต้องไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ ให้คิดว่าเหมือนกับเป็นงานอดิเรกที่ทำเท่าไรก็ไม่มีทางเบื่อ เขาเปรียบว่า

“นักกีฬาที่เขาประสบความสำเร็จ  นั่นแสดงว่าพวกเขาต้องชอบและรักกีฬาชนิดนั้นๆ และคงไม่เบื่อที่จะฝึกซ้อมทุกวัน เพราะมีความอยากเก่งขึ้นเรื่อยๆ”  เขาเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

 9.คัดเลือกคนเก่งๆ มาร่วมงาน

เขาให้ความสำคัญกับการทำงานทุกโครงการอย่างมาก และมักจะเลือกสรรคัดหาคนเก่งๆ มาทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถแก้ปัญหาได้ รวมถึงการทำงานเป็นทีม และการดูแลรักษาบุคลากร ฯลฯ เพราะจะสะท้อนให้เห็นแนวคิดในการให้ความสำคัญกับการบริหารคนในองค์กร

10.ต้องมั่นใจว่าสินค้าหรือบริการดีที่สุด

มัสก์บอกว่า ไม่ว่าจะขายอะไร ต้องให้มั่นใจว่าสินค้าหรือบริการของตัวเองดีที่สุดแล้ว  ไม่ใช่แค่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับของคนอื่น ซึ่งจะทำให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ที่จะทำให้งานทุกอย่างออกมาดีที่สุดและพร้อมที่สุด

11.ต้องทำงานหนักและคิดเยอะๆ ตลอดเวลา

มัสก์บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องมีปริญญาเอกในการจะเป็นผู้ริเริ่ม” ซึ่งเขาและพี่ชายต้องทำงานหนักมากๆ ชนิดที่ว่า Work super hard เพราะสมัยที่เริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ พวกเขาทำงานหนักมากตลอดเวลาที่ลืมตา ถ้าพักก็คือเวลานอนเท่านั้น ซึ่งเคล็ดลับในการทำงานของเขาให้ประสบความสำเร็จคือการทำงานเยอะๆ

12.ความล้มเหลวเป็นเหมือนตัวเลือก

เขาบอกว่า

“ความล้มเหลวถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก  หากคุณยังไม่เคยพลาด นั่นอาจแปลว่าคุณยังไม่เคยที่จะริเริ่มสร้างสิ่งใหม่ๆ”

ทำให้เขาสามารถหาสิ่งใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ มาต่อยอดให้สำเร็จ  ผู้คนนับไม่ถ้วนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกกับมัสก์ว่า ไอเดียของเขาเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีทางสำเร็จแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจและยังคงทำสิ่งต่างๆ ในแบบที่เขาต้องการ

13.ต้องมีความกล้า บ้าบิ่นที่จะเสี่ยง

ต้องสามารถที่จะคิดในการออกแบบระดับระบบ พร้อมที่จะดึงเอาการออกแบบของเทคโนโลยีและธุรกิจ เข้ามาในองค์รวมเดียวกัน เพื่อผสมผสานมันในรูปแบบ ซึ่งน้อยคนจะสามารถทำได้ สิ่งสำคัญคือการรู้สึกโคตรมั่นใจ ต้องมีความกล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยง เพราะมันเหมือนการเดิมพันชะตาชีวิตไว้กับงานทุกอย่างที่เสี่ยง แม้อาจจะต้องทำแบบนั้นหลายครั้งก็ตาม

14.คิดตลอดจะต้องทำอย่างไร จึงจะค้นพบ สิ่งใหม่ๆ

เขาบอกว่าการมีกรอบสำหรับแนวคิดเป็นสิ่งที่ดี ปัญหาต่างๆ จะต้องลงถึงจุดที่เป็นแก่นความจริง และใช้เหตุผลก่อนที่จะเกิดปัญหา การลอกเลียนแบบในสิ่งที่คนอื่นๆ ซึ่งอาจมีความแตกต่างไปเล็กน้อย สมองอาจจะไม่ได้ทำงานหนักจนเกินไป แต่เมื่อคุณต้องการทำอะไรใหม่ๆ คุณจะเข้าใจจริงๆว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะทำให้เกิดการค้นพบ ซึ่งมันคือสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ

15.ทุกวินาทีมีค่าเสมอ

มัสก์เองก็ถือว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยง เขาอ่านหนังสือมากพอๆ กับที่คนอื่นๆ ที่ชอบดูทีวี ในหนึ่งวันทุกคนต่างก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ซึ่งคุณไม่สามารถขอเวลาเพิ่มได้แม้จะแต่วินาทีเดียว

แม้จะรู้อย่างนั้นแต่ก็ยังมีอีกหลายคน ใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระและใช้ชีวิตให้เวลามันผ่านเลยไปวันๆ แต่ตัวเขาต้องการใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์เพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

การทำงานมิใช่มุ่งผลเฉพาะมูลค่าทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นแนวคิดการมองโลกที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างนักธุรกิจธรรมดากับนักธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงโลก  ซึ่งอีลอน มัสก์ บอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ความกล้าคิดตามความฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีไฟฟ้า อย่างการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า หรือการเดินทางไปอวกาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาพบได้ยากใน CEO บริษัทอื่น ๆ แน่นอน… ซึ่งมัสก์เชื่อมั่นว่าตัวเขากำลังทำในสิ่งที่ดีและกำลังสร้างความแตกต่างในทางบวกให้กับโลก

หากคุณมีเรื่องราวไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ในเวบไซต์ Alive Around ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทเทรนด์แฟชั่น ความงาม ร้านอาหาร คาเฟ่สุดชิค แหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่แฮงค์เอ้าท์สุดคูล เทรนด์การตกแต่งบ้าน งานศิลปะ การออกแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หรือแม้แต่ข่าวสาร และเกร็ดความรู้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ งานอีเว้นท์ เทคโนโลยี แก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ สามารถติดต่อกับทีม Admin ของเราได้ที่ www.alivearound.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น