นั่งทำงานที่ไหนดี: Coworking Space – ร้านกาแฟ – บ้าน?
ในอดีต คนส่วนใหญ่มักเริ่มต้นการสร้างเนื้อสร้างกับงานประจำ แต่ในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากขึ้น หลายคนจึงเลือกที่จะทำงานฟรีแลนซ์ หรืออาชีพอิสระ ที่พวกเขาสามารถหางานทำที่บ้าน ร้านกาแฟ Coworking Space ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ แม้กระทั่งคนที่เลือกทำงานประจำ ก็สามารถหารายได้เสริมจากอาชีพอิสระนอกเวลางานได้
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ ทำงานฟรีแลนซ์ หรือหารายได้เสริม แม้ว่าการนั่งทำงานที่บ้านดูจะเป็นทางเลือกที่สบายที่สุดในบรรดาสถานที่ทำงานนอกออฟฟิศ แต่หลายคนก็เลือกที่จะเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งทำงานในร้านกาแฟ หรือนั่งทำงานใน Coworking space ซึ่งวันนี้เราจะมาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันของ 3 สถานที่นั่งทำงาน ไม่ว่าจะเป็น นั่งทำงานที่บ้าน นั่งทำงานในร้านกาแฟ และนั่งทำงานใน Coworking Space
นั่งทำงานที่บ้าน – ฟรี สะดวก เลือกได้
การทำงานที่บ้าน ดูจะเป็นทางเลือกยอดนิยม สำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นทำงานฟรีแลนซ์ หรืออาชีพอิสระ โดยเฉพาะคนที่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์และพื้นที่ในการทำงาน เพราะนอกจากการทำงานที่บ้าน จะตัดต้นทุนการเดินทางและสถานที่ออกไปได้โดยสิ้นเชิงแล้ว ยังเป็นสถานที่ทำงานที่คุณมีอิสระมากที่สุด เมื่อเทียบกับ Coworking Space และร้านกาแฟ เพราะบ้าน คือที่ๆ คุณมีอิสระในการแต่งตัว เปิดเพลง ปรับเปลี่ยนการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ตามใจชอบ เริ่มต้นหรือหยุดทำงานได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ ที่สำคัญคือ ไม่ต้องพะวงว่าของหายเหมือนนั่งทำงานในร้านกาแฟ
อย่างไรก็ตาม ความประหยัดและสะดวกสบายของต่างๆ ของการทำงานที่บ้าน ทำให้เราตกอยู่ในหลุม Comfort Zone อย่างสมบูรณ์แบบ จนยากที่จะจดจ่อกับการทำงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- การไม่มีต้นทุนด้านสถานที่ ทำให้เราขาดการเตรียมตัว และระเบียบวินัยเชิงจิตวิทยาในการทำงาน
- ในสถานการที่เราสามารถ ”ทิ้งโต๊ะทำงาน” ได้อย่างปลอดภัย 100% ของการทำงานที่บ้าน ทำให้เรา “ลุกไปทำอย่างอื่น” บ่อยเกินความจำเป็น
- บรรยากาศเดิมๆ ที่อาจไม่เอื้ออำนวยแก่การทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ตั้งโต๊ะทำงานในห้องนอน ทำให้ขาดแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจในการทำงาน หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
นั่งทำงานในร้านกาแฟ – บรรยากาศดี ฝากท้องได้
สำหรับคนที่ต้องการหนีออกจากการทำงานที่บ้าน การนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ ดูจะเป็น Default Choice ของใครหลายคน เพราะการหาร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ สักร้านเพื่อนั่งทำงาน ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยให้เราพบกับบรรยากาศใหม่ๆ แรงบันดาลใจใหม่ๆ นอกจากนั้น การออกไปหาที่นั่งทำงานนอกบ้าน ยังเป็นการกระตุ้นให้เราเตรียมตัวและวางแผนในการทำงานอย่างรัดกุมยิ่งขึ้นอีกด้วย ยังไม่รวมถึงความรู้สึกดีๆ จากกลิ่นกาแฟหอมๆ เครื่องดื่มและขนมอร่อยๆ เพลงคลอเบาๆ ตามประสาร้านกาแฟ ที่การทำงานที่บ้าน หรือ Coworking Space อาจไม่สามารถให้ได้ และมีส่วนช่วยในการลดความเครียด และเสริมสร้างจินตนาการได้ดี
ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจว่า การนั่งทำงานในร้านกาแฟนั้น อาจไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เราต้องการได้เสมอไป เพราะ “ร้านกาแฟ” ไม่ใช่ “สำนักงาน” หรือ “Coworking Space” แต่เป็นสถานที่สาธารณะ ที่ผู้คนเข้ามาใช้บริการด้วยจุดประสงค์ที่หลากหลาย แม้หลายคนจะเข้ามาเพียงเพื่อนั่งจิบกาแฟ ทานอาหารว่าง หรืออ่านหนังสือเงียบๆ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามาร้านกาแฟกันเป็นกลุ่ม เพื่อพบปะสังสรรค์ และปรึกษาหารือ จนทำให้เกิดเสียงดัง และเสียสมาธิในการทำงานได้
แม้ว่าร้านกาแฟบรรยากาศดี ในทำเลใจกลางเมืองส่วนใหญ่ จะมี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี แต่อินเตอร์เน็ตของร้านกาแฟส่วนใหญ่นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไป ดังนั้น คนที่นั่งทำงานในร้านกาแฟ อาจพบว่า อินเตอร์เน็ตไม่แรง และไม่เสถียรพอสำหรับการใช้งานหนัก เหมือนกับทำงานที่บ้าน ที่เราใช้อยู่คนเดียว หรือ Coworking Space ที่มักใช้อินเตอร์เน็ตที่แรงกว่า
ยังไม่รวมถึงเรื่องที่พนักงานหรือเจ้าของร้านอาจไม่ปลื้มเท่าไหร่ หากคุณปักหลักนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ พร้อมสัมภาระจำนวนมาก โดยที่คุณไม่สั่งอาหารหรือเครื่องดื่มในระดับที่พวกเขาพอใจ ซึ่งการทำงานที่บ้าน และใน Coworking Space ก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้
นั่งทำงาน Coworking Space
การนั่งทำงานใน Coworking Space เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในบรรดานักธุรกิจสตาร์ทอัพหน้าใหม่ รวมถึงคนที่ทำงาน Freelance หรืออาชีพอิสระ เพราะ Coworking Space เป็นสถานที่ๆ เหมาะสำหรับการทำงานมากกว่า เมื่อเทียบกับการนั่งทำงานที่บ้าน หรือการนั่งทำงานในร้านกาแฟ ในหลายๆ ด้าน
เพราะ Coworking Space เป็นสถานที่ๆ ออกแบบขึ้นเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกอย่าง จะเอื้ออำนวยต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่บรรยากาศโดยรวมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามานั่งทำงานใน Coworking Space อย่างมีเป้าหมาย ตามด้วยเฟอร์นิเจอร์สำนักงานเกรดพรีเมียมที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ (Ergonomics) ช่วยให้นั่งทำงานนานๆ ได้โดยไม่รู้สึกเมื่อยล้ามากนัก ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ในร้านกาแฟที่เน้นเรื่องความสวยงามมากกว่า แถมยังมีฟังค์ชั่นอื่นๆ เช่น ห้องประชุมส่วนตัวสำหรับคุยงานเป็นกลุ่ม และที่ขาดไม่ได้เลยคือ อินเตอร์เน็ตที่แรง เสถียร และปลอดภัยกว่า รองรับการใช้งานที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ Coworking Space อีกอย่างคือ โอกาสในการได้รู้จักผู้คนใหม่ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือสร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานในสายงานเดียวกับเรา ซึ่ง Coworking Space หลายแห่ง ถึงขนาดวางตัวเป็น Connection Hub พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อให้เหล่าคนทำงานฟรีแลนซ์ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ไปจนถึงนักธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือ SME ได้มาแลกเปลี่ยนกัน
ความเพียบพร้อมในแบบฉบับของ Coworking Space ย่อมแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 150 บาท/4 ชั่วโมง และคิดในเรทที่ถูกลงสำหรับผู้ที่เลือกเวลาที่ยาวนานขึ้น หรือผู้ที่ยอมเสียสมาชิกรายเดือน ซึ่งทั้งหมดยังไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม ต่างจากการนั่งทำงานในบ้าน ที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร
เลือกสถานที่ทำงานให้เหมาะกับตัวเอง
หลังจากที่ได้อ่านบทวิเคราะห์แล้ว แม้ว่า Coworking Space ดูจะเป็นสถานที่ทำงาน ที่ดูมีภาษีดีที่สุด เมื่อเทียบกับการนั่งทำงานที่บ้าน หรือการนั่งทำงานในร้านกาแฟ เพราะเป็นที่ๆ ถูกออกแบบเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ สำหรับฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Coworking Space เป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
ในบางสถานการ การทำงานที่บ้าน ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะโหมดการทำงานที่มีความแน่นอนสูงสุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีต้นทุนด้านเวลาและสถานที่ๆ จำกัด เช่น ผู้ที่ทำงานประจำอยู่แล้ว แต่อยากหารายได้เสริม ผู้ที่พึ่งเริ่มต้นทำงานฟรีแลนซ์ หรืออาชีพอิสระ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้นในการทำงาน หรือค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ควรเปลี่ยนไปทำงานในสถานที่ใหม่ๆ บ้าง เช่นตามร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ หรือพบปะผู้คนใหม่ๆ ตาม Coworking Space ต่างๆ
ส่วนการนั่งทำงานในร้านกาแฟนั้น แม้จะเป็น Default Choice ที่คนส่วนใหญ่นิยม แต่การนั่งทำงานในร้านกาแฟจะเหมาะสำหรับการทำงานในวันเบาๆ หรือเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน ค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เป็นครั้งคราว มากกว่าการทำงานจริงจังในระยะยาว เนื่องจากเป็นสถานที่ๆ มีข้อจำกัดหลายอย่าง และบรรยากาศมีความไม่แน่นอน เนื่องจากเป็นสถานที่สาธารณะที่รองรับกลุ่มคนหลากหลาย ต่างจากการทำงานที่บ้าน หรือนั่งทำงานใน Coworking Space ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
Coworking Space ส่วนตัว – โหมดการทำงานที่แก้ทุก Pain Point
วิถีใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของคน Gen Y และ Gen Z กลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะหันมาทำงานฟรีแลนซ์ หรือหารายได้เสริมนอกเวลางานประจำด้วยการทำงานที่บ้านมากขึ้น รวมถึงกลุ่มที่เริ่มต้นทำธุรกิจ start up หรือ SME ตั้งแต่อายุยังน้อย มีส่วนกระตุ้นให้โมเดลธุรกิจ Coworking Space เกิดขึ้นและขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ในเมื่อการไปใช้บริการ Coworking Space ย่อมก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย แถมยังต้องเดินทางไปทำงานนอกบ้าน จะดีกว่าไหม ถ้าเรามี Coworking Space ที่อยู่ติดบ้าน และสามารถใช้บริการฟรีตลอด 24 ชม.
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “The Origin – ดิ ออริจิ้น” คอนโดแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เลือกที่จะบรรจุ Coworking Space ขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่ส่วนกลางมาตรฐานในทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการ The Origin Ram 209 Interchange – ดิ ออริจิ้น รามคำแหง 209 อินเตอร์เชนจ์ บนทำเลมีนบุรี ที่จะเปิดตัวเป็นโครงการแรก
การเพิ่ม Coworking Space ที่ได้มาตรฐานอยู่ในคอนโดที่เราอยู่ คือการลบจุดด้อยของ Coworking Space ทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความเป็นส่วนตัวที่เหนือกว่า ต้นทุนที่ถูกกว่า (ฟรี) และไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลังเลิกสำหรับคนที่หารายได้เสริมนอกเวลางานประจำ
นอกจากนั้น Coworking Space ที่อยู่ติดบ้าน ยังเป็นการผสานข้อดีของการทำงานที่บ้าน และการทำงานใน Coworking Space ที่คุณสามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้บ่อยๆ โดยไม่ต้องเสียเวลามากนัก และสามารถขึ้นไปหยิบสัมภาระ ของกิน หรือพักผ่อนได้ตามต้องการ หรือถ้าต้องการสั่งขนมหรือเครื่องดื่มมากิน ก็สามารถเรียกใช้บริการ Food Delivery แทนได้