ประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดเรม่อน ซ่อนอยู่ที่ “BTS พญาไท”

4241

ประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดเรม่อน ซ่อนอยู่ที่ “BTS พญาไท”

สำหรับวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ความสุขของชาวเรามีน้อยลงนั้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความสะดวกสบายในการเดินทาง ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเพราะบ้านเมืองเราจะมีระบบขนส่งมวลชนที่ย่ำแย่ล้าหลัง แต่เป็นเพราะความทันสมัยที่ไม่ค่อยลงตัวต่างหาก จึงทำให้ปัญหารถติด แท็กซี่ไม่รับ พี่วินไม่ใจ รถเมล์จอดไม่ตรงป้าย ไปไม่ถึงที่หมาย ฯลฯ เป็นหอกข้างแคร่ที่คอยจะแหย่ให้เรารำคาญใจอยู่ตลอดเวลา เพราะมันขโมยเวลาในชีวิตของเราไปจนหมดเกลี้ยง ขนาดถึงขั้นเกิดเป็นคำฮิตติดปากความคิดติดใจที่ว่า “อยากวาร์ปได้”วนเวียนอยู่ในหัวเสมอ และบางคนก็อาจเผลอคิดไปถึงประตูไปไหนก็ได้ของโดเรมอน ที่ถ้ามีไว้ใช้สักบาน น่าจะทำให้เราบริหารเวลา บริหารความสุขในชีวิตได้ดีกว่านี้

บรรยากาศรถติดในกรุงเทพ (Cr.ภาพ : Pantip)

แต่ถึงแม้พื้นที่ส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ จะหยิบโยนเอาปัญหารถติด สิ้นเปลืองเวลาในการเดินทางให้กับเรา ก็ยังคงมีพื้นที่หนึ่งที่มอบอิสระให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นได้มากกว่า ด้วยความเป็นจุดเชื่อมต่อของระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง และด้วยการเป็นพื้นที่ที่ถูกรายล้อมด้วยสถานที่สำคัญๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความสุขของชีวิตได้อย่างครบทุกมิติ ซึ่งพื้นที่แห่งนั้นก็คือย่าน “BTS พญาไท” ที่ใครหลายคนอาจจะรู้จักดี แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับพื้นที่ย่านนี้กันให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกนิด ในฐานะประตูทุกหนทุกแห่ง

BTS พญาไท ที่นี่แหละประตูไปที่ไหนก็ได้ (Cr.ภาพ : SIAMHOUSESOURCE)

 

เป็นประตูสู่วันวาน

หากใครเคยผ่านย่านสถานีรถไฟฟ้าพญาไท เชื่อว่าทุกคนน่าจะสัมผัสได้ถึงความคึกคักของผู้คนโดยรอบได้ไม่ยาก เพราะละแวกนั้นเป็นศูนย์รวมของ Office Building ใหญ่ๆ มากมาย อาทิ อาคารวรรณสรณ์ ศูนย์การศึกษาที่ประกอบไปด้วยโรงเรียนกวดวิชากว่า 20 สถาบัน พญาไทพลาซ่า และตึก CP Tower 3 ที่เต็มไปด้วยชาวออฟฟิศผู้มุ่งแสวงหาความสำเร็จให้ชีวิตอย่างแข็งขัน แต่ท่ามกลางความพลุกพล่านในพื้นที่ย่านรถไฟฟ้าพญาไทนั้น ก็ยังคงมีพื้นที่บางส่วนที่อนุรักษ์ไว้ซึ่งความหลังที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าให้เราได้เรียนรู้และเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กันด้วย โดยที่ทุกคนอาจไม่รู้มาก่อน ซึ่งพื้นที่แห่งนั้นก็คือ “วังสวนผักกาด” วังโบราณที่ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา เลขที่ 352-354 ถ้าไปโดยออกจากสถานีรถไฟฟ้า ก็คือมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกที่ 4 ฝั่งถนนศรีอยุธยานั่นแหละ โดยเดินไปเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ…ก็ถึง

ความพิเศษของวังสวนผักกาด คือการเป็นสถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่เจ้าของบ้าน คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ ศักดิพินิต หรือเสด็จในกรมฯ และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร หรือ “คุณท่าน” ได้อนุญาตเปิดบ้าน หรือวังสวนผักกาด ให้ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ ทั้งไทยและต่างชาติเข้าไปเยี่ยมชมได้ ทั้งๆ ที่ท่านยังคงพำนักอาศัยอยู่ ซึ่งก็เปิดให้เข้าชมได้มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2459 จนกระทั่งปัจจุบัน โดยบรรยากาศในวังก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งความงดงามแบบดั้งเดิม ประกอบไปด้วยเรือนไทย 8 หลัง ซึ่งทุกหลังจะมีทางเดินเชื่อมถึงกัน และแต่ละหลังจะจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ อาทิ พระรูปของราชวงศ์ไทย เครืองดนตรีไทยโบราณ พระพุทธรูป ประติมากรรมสมัยต่างๆ ตลอดจนเครื่องประดับ ถ้วยชาม พิพิธภัณฑ์โขน และพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงก็มี ฯลฯ เรียกได้ว่าการมาเยี่ยมชมที่วังสวนผักกาดแห่งนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประตูย้อยoลับไปสู่อดีตเพื่อศึกษารากเหง้าความเป็นไทยของตัวเราเองเลย ซึ่งเราจะมาที่นี่เมื่อไรก็ได้ เพราะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น โดยมีค่าเข้าชมเพื่อนำไปบำรุงรักษาวังแห่งนี้ให้คงอยู่ไว้เพียงแค่ 50 บาทสำหรับคนไทย และ 100 บาทสำหรับชาวต่างชาติ เท่านั้น

วังสวนผักกาด (http://www.bareo-isyss.com)
ร่มไม้ใบบัง ในวังสวนผักกาด (http://www.bareo-isyss.com)
ทางเดินเชื่อมเรือนไทยในวังสวนผักกาด (http://www.bareo-isyss.com)
วัตถุโบราณ พิพิธภัณฑ์บ้านเชียงในวังสวนผักกาด (http://www.bareo-isyss.com)

 

เป็นสะพานสู่พระราชวังพญาไท

นอกจากวังสวนผักกาดแล้ว ห่างออกไปไม่ไกลนัก ขึ้นไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 1 สถานีจากจุดเริ่มต้น ก็ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การแวะเวียนไปไม่ว่าจะเพื่อหย่อนใจ หรือเพื่อศึกษาอดีตความเป็นไทย ก็ล้วนตอบโจทย์ทั้งสิ้น โดยสถานที่ที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ก็คือ “วังพญาไท” ตั้งอยู่ริมคลองสามเสน ถนนราชวิถี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ทอดพระเนตรการทำนา ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ และยังทรงโปรดให้สร้างตำหนักเป็นที่ประทับ พร้อมกับแบ่งเอาพื้นที่ส่วนหนึ่งตรงข้ามตำหนักทำเป็นที่ทำนาและโรงนาขึ้นเพื่อประกอบพระราชพิธีแรกนาขวัญหลายครั้ง ก่อนที่ต่อมาจะได้รับการสถาปนาเป็น “พระราชวังพญาไท” ในสมัยของรัชกาลที่ 6

ภายในพระราชวังพญาไท ประกอบไปด้วยพระที่นั่งมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพระที่นั่งที่สร้างในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อาทิ พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส ส่วนพระที่นั่งที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 องค์เดียวที่ยังคงเหลืออยู่นั้นก็คือ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วการได้เข้ามาที่นี่จะให้ความรู้สึกที่สงบ ร่มรื่น ด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้นานาพรรณ และเพลิดเพลินไปกับความงดงามของสถาปัตยกรรมยุคเก่า แต่ก็ทำให้เราอิ่มเอมได้

บรรยากาศภายในพระราชวังพญาไท บริเวณพระที่นั่งพิมานจักรี (Cr.วิกิพีเดีย)
พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 (Cr.วิกิพีเดีย)
พระที่นั่งเทวราชสภารย์ พระที่นั่งที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 องค์เดียวที่ยังเหลืออยู่ (Cr.วิกิพีเดีย)

นอกจากการเดินเยี่ยมชมพระที่นั่งต่างๆ แล้ว ภายในพระราชวังพญาไทแห่งนี้ ยังมีร้านคาเฟ่น่านั่งที่ ชื่อว่า “ร้านกาแฟนรสิงห์” ซึ่งนับเป็นจุดหมายสำหรับทุกคนที่มาเที่ยวชมพระราชวังพญาไทก็ว่าได้ โดยหลังจากเพลิดเพลินกับความงดงามของวังเสร็จสรรพ ก็มักจะมานั่งจับกลุ่ม มาอิงแอบ จิบกาแฟ แชร์ค่าอาหารกันอย่างแช่มชื่น ทั้งนี้ ร้านกาแฟนรสิงห์แห่งนี้ เดิมคือร้านกาแฟเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งตั้งอยู่ในสนามเสือป่า และต้องปิดกิจการไปในสมัยรัชกาลที่ 7 แต่ต่อมาเมื่อวังพญาไทมีการปิดปรับปรุงเพื่อเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมชมได้ จึงได้กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง

ป้ายและทางเข้าร้านกาแฟนรสิงห์ (Cr.ภาพ : www.thaicoffeelove.com)
บรรยากาศภายในร้านกาแฟนรสิงห์ (Cr.ภาพ : www.thaicoffeelove.com)
โฉมหน้าขนมและเครื่องดื่มร้านกาแฟนรสิงห์ (Cr.ภาพ : www.thaicoffeelove.com)

 

เป็นจุดเชื่อมโลก ไกล-ใกล้

สถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไท นับเป็นจุดยุทธศาสต์สำคัญของการเดินทางที่จะเชื่อมโยงเราไปให้ถึงจุดหมายได้ในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เพราะ ณ สถานีแห่งนี้ เราสามารถเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้โดยใช้เวลาแค่ไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งเมื่อถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ เราจะสามารถต่อรถโดยสารประจำทางอื่นๆ ไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้โดยง่าย เพราะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่มีรถโดยสารหลายเส้นทางเป็นจำนวนมากตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นแล้วหากเรานั่งรถไฟฟ้าต่อไปอีกนิดจนสุดปลายทางสายสุขุมวิทที่สถานีหมอชิต ก็จะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อผู้คนจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดอื่นๆ และที่สถานีปลายทางรถไฟฟ้าหมอชิตนี่เอง เราก็ยังสามารถเปลี่ยนการเดินทางไปสู่รถไฟฟ้าใต้ดินจตุจักรได้ โดยสามารถนั่งต่อไปที่สถานีปลายทางหัวลำโพงเพื่อขึ้นโดยสารรถไฟไทยไปยังจังหวัดต่างๆ หรือประเทศใกล้เคียงอย่างสิงคโปร์ได้ โดยนั่งไปลงที่สถานีหาดใหญ่แล้วต่อรถไฟของมาเลเซีย

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดเชื่อมต่อการคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพฯ (Cr.ภาพ: Postjung)
BTS หมอชิต จุดเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และเดินทางสู่ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (Cr.ภาพ dotproperty)

ย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไท ภายในสถานีก็ยังเชื่อมต่อไปยัง Airport Link เพื่อเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้อีก โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ราวครึ่งชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายแค่ 45 บาทเท่านั้น ก็สามารถทำให้เราก้าวไปสู่ประตูอีกบานที่จะพาเราข้ามขอบฟ้าไปยังแดนไกลที่เป็นหมุดหมายในฝันได้อย่า่งที่ตั้งใจ

ขบวนรถไฟแอร์พอร์ตเรลลิงค์ (Cr.ภาพ: www.logisticstime.net)
ตารางคำนวณเวลาและค่าใชจ่ายในการเดินทาง www.srtet.co.th

ถ้าจะบอกว่านั่งรถไฟฟ้าจากที่ไหน ก็ไปถึงได้เหมือนกันก็คงไม่ผิด แต่ถ้าจะบอกว่านั่งรถไฟฟ้าจากสถานีไหนไปยังจุดหมายและที่ต่างๆ กันได้ประหยัดเวลาที่สุด เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อเปิดแผนที่เส้นทางการเดินรถดูแล้ว ก็ต้องยกให้สถานีพญาไทนี่แหละที่เป็นจุดศูนย์กลางพาเราไปยังขนส่งมวลชนอื่นๆ ได้ง่าย สะดวก และประหยัดเวลามากที่สุด

 

เป็นดั่งเส้นทางสายไหมสู่ศูนย์รวมการค้า

ถ้าพูดถึงแหล่งรวมความบันเทิงของคนเมืองก็คงหนีไม่พ้นห้างสรรพสินค้า เพราะทุกวันนี้ศูนย์การค้าแทบจะเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างที่ครบวงจรความสุข ไม่ว่าจะช้อปปิ้ง กิน ดื่ม ดูหนัง เสริมสวย ฯลฯ ทุกอย่างถูกเอาไปรวมไว้อยู่ด้วยกันในที่เดียว ซึ่งจากย่านสถานีรถไฟฟ้าพญาไท เราก็สามารถเดินทางไปยังศูนย์การค้าและสถานบันเทิงชั้นนำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่มีทั้งตลาดล่างข้างทางที่ทุกเย็นจะมีสินค้ามาวางขายมากมาย ทั้งเสื้อผ้า ของกิน และใกล้ๆ กันนั้นก็ยังมี ห้างเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ซึ่งทุกวันนี้ก็จะมีดนตรีสดยามเย็น มีตลาดนัดเล็กๆ มาสลับเวียนขายด้านนอกรอบๆ ห้างด้วย เพื่อให้ผู้คนได้มีตัวเลือกมากกว่าแค่ของในห้างติดแอร์

บรรยากาศยามค่ำคืนของห้างเซ็นจูรี่ (Cr.ภาพ: tripadvisor)

ใกล้ๆ กันกับเซนจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ในซอยรางน้ำ ก็เป็นสถานที่ตั้งของ King Power ที่ขึ้นชื่อเรื่องของนำเข้าปลอดภาษีให้ขาช้อปแบรนด์เนมได้บริหารเงินในกระเป๋า และในซอยรางน้ำเองก็ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารอร่อยๆ  แต่ร้านหนึ่งที่จะไม่แนะนำไม่ได้ก็เห็นจะเป็นต้นซอยนั่นแหละ กับ ร้าน EAT AM ARE ร้านเสต็กที่มีสาขาอยู่รายล้อมรอบบริเวณอนุสาวรีย์ชัย ซึ่งถ้าใครจะทานก็ต้องต่อคิวยาวหน่อย เพราะเสต็กของที่นี่นั้น อร่อย ถูก และที่สำคัญปริมาณคุ้มค่ามากๆ เรียกได้ว่าถ้าจะมีเสต็กร้านไหน ที่กินอร่อยอิ่มและประหยัดที่สุดในเมืองไทย รับรองว่า Eat Am Are คือชื่อแรกๆ ที่ทุกคนต้องคิดถึง

คิง พาวเวอร์ แหล่งช้อปสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษี (Cr.ภาพ : ThairathOnline)
เสต๊กปลา เคียงส้มตำ จานอร่อยของ Eat Am Are (Cr.ภาพ: Wongnai)
เสต๊กเนื้อชิ้นโตคู่มันบดสำหรับสายจัดหนักจากร้าน Eat Am Are (Cr.ภาพ: Wongnai)
บรรยากาศหน้าร้าน กับ การรอคอยของอร่อย (Cr.ภาพ: Tripadvisor)

นี่แค่จากพญาไทไปป้ายเดียวลงที่อนุสาวรีย์ ก็อิ่มเอมขนาดนี้แล้ว ถ้าขึ้นต่อไปอีกหน่อยเราก็จะสามารถไปฝากท้องกันได้แถวๆ ซอยอารีย์ สะพานควายได้เช่นกัน เพราะละแวกนั้นก็ของอร่อยๆ เพียบ และถ้าสุดสายไปจนถึงหมอชิต ก็จะได้พบกับตลาดนัดจตุจักรที่เป็นจุดหมายปลายทางของทั้งคนธรรมดาและพ่อค้าแม่ขายที่ไปจับจ่ายใช้สอยและสร้างอาชีพเลี้ยงตัวเอง และถ้ากระเถิบขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็จะเป็นห้างดัง 2 ห้างใหญ่ อันได้แก่ เซ็นทรัลลาดพร้าว และ ยูเนี่ยนมอล ที่แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่ว่างโล่งปราศจากผู้คน

เซ็นทรัลลาดพร้า ห้างสรรพสินค้ายอดฮิต (Cr.ภาพ: parkinglot)
ยูเนี่ยนมอล ห้างสีเหลืองศูนย์รวมวัยรุ่นย่านลาดพร้าว (Cr.ภาพ: th.bsearch.in.th)

ขึ้นเหนือไปจนสุดปลายสายสุขุมวิทแล้ว หากเราลองย้อนลงไปทางด้านใต้ดูบ้างเพียงแค่ 2 ป้ายจากสถานีพญาไท เราก็จะถึง “สยาม” สถานที่ที่เป็นแหล่งรวมแฟชั่น และศูนย์รวมของความทันสมัย ที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก วัยรุ่นทุกคนในเมืองล้วนอาศัยอยู่ที่นี่ ล้วนเคยมาที่นี่ และล้วนเคยมีความทรงจำกับสถานที่แห่งนี้ไม่มากก็น้อย ใกล้ๆ ในบริเวณยังเป็นที่ตั้งของ “สยามพารากอน” ศูนย์การค้าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ส่วนถ้าใครสงสัยว่าแล้วที่ไหนใหญ่เป็นอันดับหนึ่งล่ะก็ แค่เดินจาก Sky Walk สถานีสยามไปอีกนิดก็จะพบคำตอบ กับ เซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ ห้างแพลตตินั่ม ศูนย์ช้อปปิ้งของนำแฟชั่นราคาย่อมเยา แถมยังอยู่ใกล้กับแหล่งรวมจิตใจ ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คน อย่าง พระตรีมูรติ และ พระพิฆเนศวร ที่นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของกรุงเทพฯ ที่ดังไปทั่วโลกด้วย

บรรยากาศย่านสยามยามค่ำคืน (Cr.ภาพ: www.facebook.com/SiamCenter)
สยามพารากอน ห้างใหญ่อันดับ 3 ของไทย (Cr.ภาพ: www.thairath.co.th)
เซ็นทรัลเวิลด์ ห้างใหญ่อันดับ 1 ในไทย (Cr.ภาพ: www.catdumb.com)
แพลตตินั่ม ห้างเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำราคาโดนใจ (Cr.ภาพ: www.arjin.com)
พระตรีมูติ พระพิฆเนศวร ศูนย์รวมศรัทธาย่านเซ็นทรัลเวิลด์ (Cr.ภาพ: www.ev9thailand.com)

 

เป็นถนนสู่การรักษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ย้อนอดีต ชมประวัติศาสตร์ก็แล้ว เดินทางไปท่องเที่ยวใกล้ไกลก็แล้ว ไปช้อปปิ้งศูนย์รวมความบันเทิงก็แล้ว จากนี้คืออีกหนึ่งประตูที่ย่าน BTS พญาไท จะพาเราไปถึงได้ นั่นก็คือ พาเราไปสู่เส้นทางของการมีสุขภาพที่ดี โดยหากเปิดแผนที่ตั้งบริเวรณตรงจุดสถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไท ดู เราจะพบว่า ย่านนั้นถูกรายล้อมไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย ไล่ตั้งแต่ใกล้ๆ ก็โรงพยาบาลพญาไท 1 โรงพยาบาลและสถาบันวิจัยโรคไต ภูมิราชนครินทร์ ถัดขึ้นไปตรงเส้นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็จะเป็นโรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระมุงกุฎ โรงพยาบาลเด็ก และหากเกาะแนวรถไฟฟ้าขึ้นไปอีกนิด ก็จะเป็นโรงพยาบาลพญาไท 2 สนามเป้า โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย และ โรงพยาบาล
วิมุติ ที่กำลังจะสร้างเสร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

โรงพยาบาลพญาไท 1 ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา เดินออกประตู 4 จาก BTS พญาไท เลยวังสวนผักกาดไปนิดเดียว (Cr.ภาพ: www.honestdocs.co)
โรงพยาบาลพญาไท 2 สนามเป้า ห่างจาก BTS พญาไท เพียงแค่ 2 ป้าย!! (Cr.ภาพ: www.brandbuffet.in.th)

ด้วยความที่ถูกรายล้อมด้วยโรงพยาบาลคุณภาพ จึงทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนในย่านนี้นั้นได้รับความคุ้มครองที่ดีไปด้วย กล่าวคือเมื่อเกิดเจ็บป่วยอะไรขึ้นมา ก็สามารถได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเดินทางไปเอง หรือเรียกรถพยาบาลมารับ บริเวณย่านนี้ก็ถือว่าสะดวกที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพฯ

และนอกเหนือไปจากการมีโรงพยาบาลรายล้อมแล้ว ย่านรถไฟฟ้า BTS พญาไท ก็ยังนับได้ว่าเป็นย่านที่อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะหลายแห่ง อาทิ สวนสันติภาพ สวนรมย์ราชเทวี สวนพญาไทภิรมย์ ฯลฯ ซึ่งก็เป็นสถานที่ที่สามารถใช้พักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่น ชมความเขียวสดชื่นของต้นไม้ดอกไม้ และก็ยังเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงได้ด้วย เพราะท่ามกลางความเจริญที่มากขึ้นทุกวัน หากเราไม่ขยันดูแลตัวเองให้แข็งแรงดี ความสุขในชีวิตที่มี…ก็คงลดน้อยลงไปด้วย

สวนสันติภาพ สวนสาธารณะในเมืองกรุง (Cr.ภาพ: thinkofliving.com)
บรรยากาศความร่มรื่น เหมาะสำหรับการหย่อนใจและออกกำลังกาย (Cr.ภาพ: FB สวนสันติภาพ)

 

สถานที่คืนเวลาให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น

เวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคนเราก็ว่าได้ เพราะถ้ามันผ่านไปแล้วก็ไม่มีทางเรียกกลับคืนมา และถ้าไม่มีเวลา เราก็สร้างความสุขให้มีเกิดขึ้นกับชีวิตไม่ได้ ทุกวันนี้วิถีชีวิตของผู้คนในเมืองต่างหมดเวลาไปกับการทำงานและการเดินทางเป็นหลัก บางคนใช้ชีวิตอยู่บนรถ บนถนนมากกว่าเวลาทำงานด้วยซ้ำ และคำถามก็คือ เราจะปล่อยชีวิตหมดเวลาไปกับการเดินทางอย่างนั้นใช่ไหม? เราเลือก เราเปลี่ยน หรือเราแก้ไขอะไรได้บ้างหรือเปล่า? วิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้กับรถไฟฟ้า BTS พญาไท อาจดูเป็นวิถีชีวิตที่น่าอิจฉา เพราะพวกเขาคงบริหารเวลาการเดินทาง และจัดสรรเวลาไว้สำหรับแสวงหาความสุขอื่นๆ ให้ชีวิตได้ง่ายและมากกว่า แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าการอาศัยอยู่ที่อื่นในเมืองกรุงจะทำให้ชีวิตไม่มีความสุข แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราคิดจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราบ้างหรือเปล่า? เพราะถึงแม้ว่าเราจะหนีการเดินทางที่น่าปวดหัวไม่พ้น แต่เราทุกคนก็สามารถใช้เวลาระหว่างการเดินทางที่น่าเบื่อเหล่านั้นสร้างความสุขให้ตัวเองได้ ใช่เพียงแค่บ่น อดทน และปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ เพราะบางทีประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดเรม่อน ก็ไม่ได้ซ่อนอยู่แค่ BTS พญาไท แต่ซ่อนอยู่ที่หัวใจของตัวเราเองมากกว่า ว่าเราจะปล่อยเวลาทิ้งไปอย่างไร้ค่า หรือใช้มันทำอะไรอย่างอื่นให้มีคุณค่า…กับชีวิต

อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า (Cr.ภาพ: PEXELS)

เราอยากได้ชีวิตแบบไหน ก็ต้องกล้าก้าวไปหาชีวิตแบบนั้น ทุกพื้นที่ยังคงเปิดกว้างสำหรับผู้คนที่กล้าเลือกเส้นทางเดินให้ชีวิตตัวเองเสมอ เช่นเดียวกันกับพื้นที่ทำเลศักยภาพย่านรถไฟฟ้า BTS พญาไท คอนโดใกล้รถไฟฟ้า BTS พญาไท ที่กำลังอ้าแขนต้อนรับผู้คนรุ่นใหม่ที่มีฝันและกล้าก้าวออกมาจากพื้นที่เดิมๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น มีเวลาและมีความสุขมากขึ้น เตรียมพบกับ “Park Origin Phayathai” โครงการใหม่จากออริจิ้น ที่จะมาสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญให้กับย่านพญาไท ให้เราได้สัมผัสกับความสมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต ที่มีครบทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ ที่ทำให้เราสามารถบริหารเวลาความสุขในชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ www.parkorigin.co.th/Phayathai

หากคุณมีเรื่องราวไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ในเวบไซต์ Alive Around ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทเทรนด์แฟชั่น ความงาม ร้านอาหาร คาเฟ่สุดชิค แหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่แฮงค์เอ้าท์สุดคูล เทรนด์การตกแต่งบ้าน งานศิลปะ การออกแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หรือแม้แต่ข่าวสาร และเกร็ดความรู้ในวงการอสังหาริมทรัพย์ งานอีเว้นท์ เทคโนโลยี แก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ สามารถติดต่อกับทีม Admin ของเราได้ที่ www.alivearound.com โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น