คาร์บอนเครดิต 101

1
คาร์บอนเครดิต 101

คาร์บอนเครดิตคืออะไร? เปรียบเทียบง่ายๆ ให้เห็นภาพ

ลองนึกภาพว่าโลกของเราเป็นห้องนอน แล้วก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นเหมือนผ้าห่มที่คลุมห้องนี้อยู่ ยิ่งผ้าห่มหนา ห้องก็ยิ่งร้อน นั่นก็คือ “ภาวะโลกร้อน” ที่เรากำลังเผชิญกันอยู่

ทีนี้ “คาร์บอนเครดิต” (Carbon Credit) ก็เปรียบเสมือน “สิทธิ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” หรือพูดง่ายๆ คือ “โควต้าในการเพิ่มความหนาของผ้าห่ม” นั่นเอง

  • 1 คาร์บอนเครดิต = สิทธิ์ในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ตัน (หรือเทียบเท่ากับก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่น)

ใครเป็นคนกำหนดโควต้า?

ก็จะมีหน่วยงานทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ เป็นคนกำหนดโควต้าและมาตรฐาน เช่น

  • ในประเทศไทย: องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “อบก.”
  • ระดับนานาชาติ: ก็จะมีองค์กรอย่าง Verified Carbon Standard (VCS), Gold Standard เป็นต้น

แล้วโควต้า (คาร์บอนเครดิต) นี้เอาไปทำอะไรได้บ้าง?

หลักๆ แล้ว แนวคิดของคาร์บอนเครดิต คือการ “ซื้อขาย” สิทธิ์ในการปล่อยคาร์บอน เพื่อจูงใจให้คนและองค์กรต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • ถ้าคุณปล่อยก๊าซเกินโควต้า: คุณก็ต้องไป “ซื้อ” คาร์บอนเครดิตจากคนอื่น เหมือนซื้อโควต้าเพิ่ม เพื่อไม่ให้เกินกำหนด
  • ถ้าคุณปล่อยก๊าซน้อยกว่าโควต้า: คุณก็สามารถ “ขาย” คาร์บอนเครดิตที่เหลือของคุณ ให้กับคนที่ปล่อยก๊าซเกิน เหมือนขายโควต้าที่เหลือ กลายเป็นรายได้อีกทาง

ทำไมต้องมีคาร์บอนเครดิต?

  • กระตุ้นให้คนลดปล่อยก๊าซ: พอบอกว่าปล่อยเกินต้องจ่ายเงิน คนก็เริ่มคิดแล้วว่าจะทำยังไงให้ปล่อยน้อยลง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครดิต
  • ให้รางวัลคนรักษ์โลก: คนที่ปล่อยก๊าซน้อย ก็เหมือนคนประหยัด มีโควต้าเหลือ ก็ขายได้ กลายเป็นแรงจูงใจให้คนหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  • เป็นกลไกตลาด: ทำให้เกิดการซื้อขาย เกิดการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ใครได้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต?

  • โลกของเรา: แน่นอนว่า เป้าหมายหลักก็คือช่วยลดโลกร้อน ชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • บริษัท/องค์กร/โรงงาน: ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซได้ ก็จะมีรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต แถมยังได้ภาพลักษณ์ที่ดี เป็นองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
  • ผู้ซื้อคาร์บอนเครดิต: แม้จะต้องจ่ายเงินซื้อ แต่ก็สามารถนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซของตัวเอง บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม และอาจใช้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ได้

ตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ

สมมติว่า…

  • โรงงาน A: ปล่อยก๊าซเกินโควต้าไป 100 ตัน ต้องซื้อคาร์บอนเครดิต 100 เครดิต
  • โรงงาน B: ลงทุนกับเทคโนโลยีสะอาด ทำให้ปล่อยก๊าซน้อยกว่าโควต้า มีคาร์บอนเครดิตเหลือขาย 100 เครดิต
  • ผลลัพธ์: โรงงาน A ซื้อคาร์บอนเครดิตจากโรงงาน B เงินก็ไหลเวียน โรงงาน B ได้รางวัล โรงงาน A แม้จ่ายเงินแต่ก็ได้ชดเชยการปล่อยก๊าซ และอาจนำไปหักล้างกับภาษี หรือใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้ ส่วนโลกของเราก็ได้ประโยชน์ เพราะมีการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด และการปล่อยก๊าซโดยรวมก็ลดลง (อย่างน้อยก็ในทางทฤษฎี)

สรุปง่ายๆ อีกครั้ง

คาร์บอนเครดิต คือ เครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดโลกร้อน โดยการให้ “สิทธิ์” ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และทำให้เกิดการ “ซื้อขาย” สิทธิ์นั้น เพื่อจูงใจให้คนหันมาสนใจสิ่งแวดล้อม และลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดมากขึ้น